• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Cindy700, April 04, 2023, 11:02:07 AM

Previous topic - Next topic

Cindy700

1. เนื่องจากเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่ างเดียว

พวกเราไม่ได้ดำเนินการแล้วแฮปปี้ทุกวัน บ่อยครั้งที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าถ้าหากเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ได้แก่ วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราถูกใจจะก่อให้ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น แล้วก็ เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น ด้วยเหตุว่าการเฟลจากที่ทำงานส่วนใหญ่มักทำให้พวกเราเสียกำลังใจ และก็ขาดความเชื่อมั่นในตนเองในตนเอง สำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และ อีกเยอะแยะ


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนฝูงคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย ตั้งใจจริงขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในเวลานี้ดำเนินการประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่พวกเรานับถือที่สุดในที่ทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นนายจ้าง ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยพบในขณะที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนถึงวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน คอยสั่งคนโน่นหนคนนี้ที แต่พอใช้มองดูดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะแยะไม่ได้ไง ทำไมน่ะหรอ นอกจากจะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางทีก็อาจจะหาเรื่องกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้แนะนำก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็ไม่เหมือนกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าถ้าเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่แหน่งใดไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

มิได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากทำงาน ก็อย ากไปเที่ยวแบบเดียวกันนั่นแหละ แต่ว่าเพียงแค่ออกหน้าขี้บ่นแบบพวกเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองคิดดู

แค่เราเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำต้องเอางานเราไปพรีเซนเทชั่นกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ าเป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์

คนไม่ใช่น้อยมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แม้กระนั้นทราบรึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกเหนือจากการที่จะมอง resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนพวกเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกอินเตอร์เน็ต

ของพวกเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างเราเป็นไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหัวหน้ามามองเห็นก็ช่างเถอะ


ถ้าหากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสสถานที่สำหรับทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณพด้วย เพราะ โดยมากคนในสถานที่สำหรับทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่สำหรับทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างั่ง ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ทางวิ่งของเรา พอใจ ใส่ใจ แต่... อย่ าเก็บทางวิ่งผู้อื่นมาอิจฉา

ช่วงปีให้หลังมานี้ เพื่อนฝูงพวกเราคนไม่ใช่น้อยเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนแปลงงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตัวเอง บางครั้งบางคราวพวกเราเลื่อนดูหน้าเฟสแล้วหลังจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้เจริญ แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีมากยิ่งกว่าพวกเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนพ้องคนจำนวนไม่น้อยบางทีก็อาจจะกำลังอิจฉาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

โฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าจุดหมายปลายทางพวกเราอยากอะไร ทราบดีว่าวันนี้พวกเราทำดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นๆบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราเป็นจริงเป็นจังกับชีวิตเยอะขึ้น แต่ว่าอย่ าเก็บมาเอาใจใส่กระทั่งกลัดกลุ้มพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งจะตระหนกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้แปลว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงหัวใจกับผู้ใดกันแน่ แต่ว่า... หมายความว่า " พวกเราไม่ฝักใฝ่ข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสถานที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) ส่วนใหญ่ไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่ว่าเล่นเค้าไว้มากมายนี่ห้ามเสียท่าเลยคะ มีคนรอซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้พูดว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝืนตนเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชื่นชอบ

โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่เราดูแล้วรู้ดีว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้เราดีกว่ามากมายๆเว้นแต่วางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่รู้จักหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับใครกันแน่ ด้วยเหตุนี้ อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนดุตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความหวังจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงพวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับการดำเนินงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีมากยิ่งกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านระยะเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม เรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าคำกล่าวมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยแตกก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกไปเรื่อยโดนด่าในช่วงเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าตอนอายุ 50 มาก หากแม้จะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนจำนวนมากพร้อมจะให้อภัยพวกเราเสมอ ด้วยเหตุนั้น ล้มเหลวเป็นจำนวนมากเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามไม่เหมือนกันระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และการหาสหายในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไร เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่จริงจิตใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากเพียงใด


นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าจ้างรายเดือนอย่ างเราคือไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อนฝูง ด้วยเหตุผลดังกล่าววันๆพวกเราก็เลยจะเจอเพียงแค่เพื่อนพ้องร่วมทีม ซึ่งจำนวนมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่พบกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวและก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็สหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างนี้ เรารู้สึกว่ามันคือผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเห็น

สนทนาแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดี ให้พวกเราลองถามตัวเองว่า "ถ้าเกิดเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความไม่เหมือนระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " สหายร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม แล้วก็การหาสหายในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งเราโตขึ้นมากแค่ไหน เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่แท้หัวใจคนนึงในออฟฟิศมันย ากมากแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างพวกเราคือไปดำเนินงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาเพื่อนพ้อง เพราะฉะนั้นวันๆพวกเราก็เลยจะเจอแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งจำนวนมากและก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนตัวรวมทั้งเรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และสหายร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างงี้ เรามีความคิดว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเห็น เสวนาเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าหากเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนจริงๆในที่ทำงานแล้ว

8. ต้องเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าอย ากบรรลุความสำเร็จ แล้วก็ สุขสบาย จงเป็น " ลูกจ้างมือโปร " ให้ได้ กล่าวง่ายแต่ทำย ากนะ ด้วยเหตุว่าลูกจ้างมืออาชีพก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าจ้างจำนวนหนึ่ง " นั่นนับได้ว่าบริษัทเค้าอยากได้อะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าจ้างนั้นๆ

พวกเราจำต้องทราบว่าบริษัทจ้างเรามาทำอะไร และก็ ทำมันให้ดีมากยิ่งกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าต้องการความรุ่งโรจน์ในหน้าที่ ถ้างานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่ควรทรหดอดทนทำไป


ควรหางานที่เราทำแล้วพวกเราสุขสบายรวมทั้งทำเป็นดีเพื่อดึงความสามารถของตัวเองออกมาให้สูงที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังเป็นเหตุให้พวกเราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ หากในที่สุดเราพบสายอาชีพที่เรารักแล้วก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

และด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยเงินเดือนจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าจ้างกระทั่งเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แม้กระนั้นควรจะมีผลลัพธ์ที่ดีตามออกมาด้วย ได้แก่ได้ปรับค่าตอบแทนรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปดูด้านหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ในตอนนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าพ่อแม่อายุมากขึ้นแต่ละวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แก่คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกเปลี่ยนกับความสุขของพ่อแม่
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/